วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
TARADTHONG.COM | ตลาดทองดอทคอม
วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
ฝรั่งตื่นวิกฤติยูโรโซนแห่ตุนซื้อทอง
ไม่ขออะไรมาก..ขอเพียงโหวตให้กำลังใจคนทำเว็บ
ฝรั่งตื่นวิกฤติยูโรโซนแห่ตุนซื้อทอง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ราคาทองปรับตัวขึ้นในเช้าวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังทะยานขึ้น 1% ในวันที่ 26 พ.ค. ขณะที่การถือครองทองคำของกองทุน SPDR แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของยุโรปได้กระตุ้นแรงซื้อทองในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย ณ เวลา 09.19 น.ตามเวลาประเทศไทย ราคาทองสปอตมีการซื้อขายที่ระดับ 1,213.35 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวว่าทางการจีนกำลังทบทวนการถือครองพันธบัตรยูโรโซน เนื่องจากมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ เศรษฐกิจในยุโรป
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา ผันผวนตลอดทั้งวัน โดยปรับราคาขึ้นลงถึง 5 ครั้ง ครั้งละ 50 บาท ก่อนปิดตลาดเท่ากับเย็นวันที่ 26 พ.ค. โดยทองแท่งซื้อบาทละ 18,550 บาท ขายบาทละ 18,650 บาท ทองรูปพรรณซื้อบาทละ 18,282.96 บาท และขายบาทละ 19,050 บาท ซึ่งเป็นผลจากความผันผวนของราคาทองคำในตลาดฮ่องกง ตลาดทองคำโลก การเก็งกำไรของกองทุนต่างชาติ และเศรษฐกิจยุโรปที่ยังมีปัญหาอยู่
ด้านนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า สาเหตุที่นักลงทุนต่างชาติเทขายสุทธิหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเงินออกไปชดเชยกรณีผลกระทบจากปัญหาวิกฤติหนี้ในยุโรป ประกอบกับยังมีปัจจัยลบสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่เข้ามาเป็นตัวกดดัน และหากพิจารณาตลาดหุ้นในภูมิภาคช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีการปรับตัวลดลง 7-8% ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลกระทบจากความกังวลวิกฤติหนี้ในยุโรปว่าอาจส่งผลกระทบลุกลาม.
วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
ฝรั่งฟันปลิ้นรวยหุ้นพ่วงค่าเงิน แบงก์ชาติเผยขนดอลลาร์กลับ 5.2 หมื่นล้าน
ไม่ขออะไรมาก..ขอเพียงโหวตให้กำลังใจคนทำเว็บ
ฝรั่งฟันปลิ้นรวยหุ้นพ่วงค่าเงิน แบงก์ชาติเผยขนดอลลาร์กลับ 5.2 หมื่นล้าน
เปิดพอร์ตฝรั่งหลังเทขายหุ้นไทยพรวด งวดนี้กำไร 2 เด้งกว่า 30% ทั้งจากค่าเงินและราคาหุ้น ใช้กลยุทธ์ขายหุ้นปุ๊บล็อกอัตราแลกเปลี่ยนขายเงินบาทออกทันที....
นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒน์กุล กรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยออกมาหนักๆ พบว่า ทันทีที่ขายหุ้นออกมา ต่างชาติได้ล็อกอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาทเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯทันที หรืออีกนัยหนึ่งคือการสั่งขายเงินบาทออกมาทันที จนทำให้ค่าเงินบาทในช่วง 1-2 วันนี้ อ่อนค่าลงมาก ทั้งที่โดยปกติในทุกๆรอบที่ต่างชาติขายหุ้นออกมา จะโยกเงินไปพักไว้ที่ตลาดบอนด์หรือตลาดพันธบัตร แต่รอบนี้เห็นชัดมากว่าต่างชาติขายหุ้นแล้วขายเงินบาทออกมาทันที ซึ่งถือเป็นการล็อกกำไรค่าเงินไว้ด้วย เพราะหากต่างชาติประเมินว่าค่าเงินบาทมีโอกาสจะอ่อนค่าลงไปกว่านี้ ก็จะรีบขายเงินบาทออกมาก่อน "ตอนนี้ต่างชาติขายหุ้นออกมาทั้งเอเชีย ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงแรงเกือบทั้งหมด แม้ในวันที่ 26 พ.ค. จะดีดตัวกลับขึ้นได้บ้าง แต่คาดว่าต่างชาติจะยังคงขายหุ้นออกมาต่อ"
ถล่มขายหุ้นทั่วกระดานเอเชีย
สาเหตุของการขายหุ้นทั่วเอเชียรอบนี้ของต่างชาติมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกัน ทั้งจากวิกฤติหนี้กรีซที่หากลุกลามอาจทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯและเป็นผลให้ค่าเงินเอเชีย รวมทั้งเงินบาทอ่อนค่าลงไปด้วย นอกจากนี้ นโยบายการเงินในสหรัฐฯเอง ก็เริ่มจำกัดการนำเงินฝากของประชาชนออกไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งกระทบต่อการนำเงินออกไปลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งยังมีการประเมินว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเริ่มอืดจากวิกฤติยุโรปและเศรษฐกิจจีนที่เป็นความหวังอาจลดความร้อนแรงลง
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าไทยมีโอกาสขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในไตรมาส 2 และ 3 ซึ่งอาจมีผลต่อการอ่อนตัวของค่าเงินบาท ต่างชาติจึงจำเป็นต้องล็อกกำไรค่าเงินที่ระดับปัจจุบันนี้ไว้ก่อน
ทั้งนี้ จากการรวมรวบตัวเลขการขายสุทธิของต่างชาติที่ได้ขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.ถึง 26 พ.ค. (หลังประกาศภาวะฉุกเฉิน 7 เม.ย. เรื่อยมาจนเกิดจลาจลเผาบ้านเมืองและการประกาศกฎอัยการศึก) พบว่า ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยรวมทั้งสิ้น 67,066 ล้านบาท เมื่อหักจากยอดซื้อสะสมที่ต่างชาติเข้ามาซื้อช่วงต้นปี (22 ก.พ. ถึงต้น เม.ย.) รวม 58,900 ล้านบาทนั้น นั่นหมายความว่ายอดซื้อสุทธิสะสมที่ต่างชาติซื้อมาตั้งแต่ต้นปีนั้นได้ถูกเทขายออกมาหมดสิ้นแล้ว ดังนั้น หุ้นที่ต่างชาติขนออกมาขายหลังจากนี้ จะเป็นหุ้นที่ซื้อสะสมไว้ในปี 52 ที่มียอดซื้อสุทธิ 38,000 ล้านบาท
กำไร 2 เด้งทั้งค่าเงินราคาหุ้น
และหากโฟกัสเจาะลึกถึงการเข้ามาซื้อหุ้นของต่างชาติในปี 52 ที่เข้ามาซื้อหุ้นไทยรอบใหญ่ ในช่วง มี.ค.-ส.ค.52 ต่างชาติซื้อสุทธิหนักสุดถึง 76,800 ล้านบาท ซึ่งช่วงนั้นต้นทุนค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ 35-35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งหากนำหุ้นมาขายในช่วงนี้ที่ค่าบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 32.50 บาทนั้น ถือว่าต่างชาติได้กำไรค่าเงินร่วม 8-10% ยังไม่นับกำไรจากราคาหุ้นที่ต้นทุนเฉลี่ยตอนเข้ามาซื้อดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 550-620 จุด ซึ่งหมายถึงต่างชาติยังได้กำไรจากราคา
หุ้นอีกร่วม 20% ที่ดัชนีล่าสุด 728 จุด
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า น้ำหนักการขายหุ้นของต่างชาติอาจกดให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงไม่มากนักจากนี้ เพราะน่าจะมีแรงซื้อกลับของนักลงทุนสถาบันในประเทศเข้ามาช่วยพยุงดัชนีไว้ โดยเฉพาะสถาบันที่เน้นการลงทุนระยะยาว เพราะราคาหุ้นไทยที่ปรับตัวลงมาขณะนี้ก็ถือว่าพอสมควรแล้ว น่าจะประคองตลาดที่ระดับนี้ไปได้
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยวันที่ 26 พ.ค. ปิดที่ 728.94 จุด เพิ่มขึ้น 7.65 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 21,777.62 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิต่อ 5,265.88 ล้านบาท
ขนดอลลาร์กลับ 5.2 หมื่นล้าน
ด้านนางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายตลาดการเงิน กล่าวว่า ช่วงเดือน เม.ย.และ พ.ค.ที่ผ่านมา เงินทุนต่างชาติที่ออกจากตลาดหุ้นไทยจากการเทขายของนักลงทุนต่างชาติ ถูกแลกกลับเป็นเงินดอลลาร์และไหลออกไปแล้วตั้งแต่ต้นปี 2553 จนถึงวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา 52,000 ล้านบาท จากเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาเพื่อซื้อหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีกว่า 40,000 ล้านบาท เงินทุนที่ไหลออกจากตลาดหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้มากกว่าเงินที่ไหลเข้ามาซื้อหุ้น 12,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เงินทุนต่างประเทศในส่วนที่ลงทุนในตลาดพันธบัตร และการลงทุนโดยตรงในช่วงที่ผ่านมา เช่นการเข้ามาซื้อธนาคารพาณิชย์ และการลงทุนในกิจการอื่นยังไม่ไหลออกไป ขณะเดียวกันก็ยังคงมีเงินไหลเข้าต่อเนื่องและจำนวนค่อนข้างสูงจากการเกินดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัด ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงไม่มาก เมื่อเทียบกับประเทศในเอเชียอื่นๆ ที่ช่วงนี้มีเงินไหลออกต่อเนื่องเช่นกัน
"สาเหตุของการไหลออกของเงินทุนต่างประเทศ มาจากทั้งเหตุการณ์ทางการเมืองของประเทศเรา และปัจจัยหลักคือความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจยุโรป โดยเฉพาะปัญหาหนี้สาธารณะในกรีซและสเปน ซึ่งมีแนวโน้มลุกลามไปยังประเทศอื่นในยุโรปได้ ขณะที่มาตรการช่วยเหลือแม้จะเป็นเม็ดเงินถึง 750,000 ล้านยูโร แต่ยังมีเม็ดเงินที่เข้าไปช่วยเหลือได้ทันทีไม่มาก ทำให้เกิดความไม่แน่ใจ"
ต้นทุนกู้ยืมพุ่งความเสี่ยงเพิ่ม
นางสุชาดายังกล่าวถึงต้นทุนการกู้ยืมของไทยในตลาดต่างประเทศว่า ยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนความเสี่ยงที่สูงขึ้น โดยผลตอบแทนของตราสารอนุพันธ์ที่มีหลักทรัพย์อื่นค้ำประกัน (ซีอีเอส) ของไทย ในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้าอยู่ที่ 1.3% ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 พ.ค.เพิ่มขึ้น เป็น 1.7% แต่ยังกระทบการลงทุนของไทยไม่มาก เพราะนักธุรกิจไทยกู้ยืมเงินต่างประเทศในอัตราที่ต่ำ
น.ส.วงษ์วธู โพธิรัชต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง ธปท.กล่าวเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ค่าเงินบาทอ่อนค่าประมาณ 2% เทียบกับก่อนหน้าที่แข็งค่าประมาณ 3% ซึ่งเงินบาทอ่อนค่าไปในทิศทางเดียวกับสกุลเงินอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่าเกิดจากปัญหาการขาดดุลงบประมาณของกลุ่มประเทศยุโรปและความเสี่ยงถือสินทรัพย์ (Risk Aversion) เพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนต่างชาติหันไปถือสินทรัพย์สกุลดอลลาร์สหรัฐฯมากขึ้น ประกอบกับในเอเชียมีปัญหาความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลงไม่มาก เพราะแม้จะมีนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นเอาเงินออกไป แต่ผู้ส่งออกนำเข้าซื้อเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น "ความผันผวนของเรายังน้อยกว่าคนอื่น โดยคนอื่นอยู่ที่ระดับ 5-6% โดยเฉพาะค่าเงินวอนของเกาหลีใต้และค่าเงินริงกิตมาเลเซียอ่อนค่ามากกว่าเงินบาทไทย โดยของเราอ่อนค่าประมาณ 2-3%".
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรร่วง หลังมีข่าวจีนทบทวนการถือครองพันธบัตรยุโรป
ไม่ขออะไรมาก..ขอเพียงโหวตให้กำลังใจคนทำเว็บ
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรร่วง หลังมีข่าวจีนทบทวนการถือครองพันธบัตรยุโรป
ค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และสกุลเงินอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงานว่า จีนกำลังทบทวนการถือครองพันธบัตรรัฐบาลยุโรป อันเนื่องมาจากความวิตกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สิน ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินยูโร
ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.59% สู่ระดับ 1.2169 ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.2365 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์ดิ่งลง 0.31% แตะที่ 1.4377 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4422 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลง 0.37% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 89.970 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 90.300 เยน แต่ดีดตัวขึ้น 0.52% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1603 ฟรังค์ จากระดับ 1.1543 ฟรังค์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.88% แตะที่ 0.8216 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 0.8289 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 1.25% แตะที่ 0.6625 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6709 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินยูโรถูกเทขายอย่างหนัก หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงานว่า สำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) กำลังประชุมร่วมกับกลุ่มผู้บริหารธนาคารทั้งในและต่างประเทศที่กรุงปักกิ่ง เพื่อทบทวนการถือครองพันธบัตรรัฐบาลในยุโรป ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดเสถียรภาพด้านการเงินในยุโรป และความกังวลเกี่ยวกับยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงของรัฐบาลยุโรป รวมถึงกรีซและโปรตุเกส
ทั้งนี้ SAFE ถือครองพันธบัตรยูโรโซนราว 6.30 แสนล้านดอลลาร์ในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนซึ่งมูลค่าสูงถึง 2.4 ล้านล้านดอลลาร์
เมื่อไม่นานมานี้ กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า จีนได้เข้าถือครองพันธบัตรสหัฐเพิ่มขึ้น 2% ในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 8.952 แสนล้านดอลลาร์ ทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ซึ่งทำให้นักลงทุนและเจ้าหน้าที่สหรัฐผ่อนคลายจากความวิตกกังวลที่ว่าความต้องการพันธบัตรสหรัฐจากต่างประเทศลดลงอาจทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยพันธบัตร
การที่ต่างชาติถือครองพันธบัตรสหรัฐเพิ่มขึ้นมาจาก 2 ปัจจัยด้วยกัน คือ นักลงทุนมองว่าพันธบัตรสหรัฐเป็นการทุนที่ปลอดภัยในช่วงที่เกิดวิกฤตหนี้สินในยุโรป และการที่เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นทำให้นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้าซื้อพันธบัตรสหรัฐ
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่า อันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ Aaa อาจตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในอนาคตอันใกล้นี้ นอกเสียจากว่าสหรัฐจะใช้มาตรการเพิ่มเติมในการลดยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ในขณะนี้ โดยมูดีส์ระบุว่า สัดส่วนหนี้สินต่อตัวเลขจีดีพีของสหรัฐ อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง และมีแนวโน้มว่าจะสูงกว่าประเทศอื่นๆที่มีอันดับเครดิต Aaa เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 2.9% ทำสถิติเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 เดือน และยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย.ทะยานขึ้น 14.8% แตะที่ 504,000 ยูนิต/ปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากชาวอเมริกันแห่ทำสัญญาซื้อบ้านใหม่เพื่อใช้ประโยชน์จากนโยบายลดหย่อนภาษีของรัฐบาล
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงซื้อหนุนทองคำปิดพุ่ง 15.40 ดอลลาร์
ไม่ขออะไรมาก..ขอเพียงโหวตให้กำลังใจคนทำเว็บ
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงซื้อหนุนทองคำปิดพุ่ง 15.40 ดอลลาร์
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) เนื่องจากวิกฤตหนี้สินในยุโรปและการร่วงลงของสกุลเงินยูโร ยังคงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนสัญญาพลาตินัมและพัลลาเดียมทะยานขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 15.40 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,213.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,201.00 - 1,216.90 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 18.3060 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 52.50 เซนต์
ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนก.ค.ปิดที่ 1,530.30 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 38.40 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 446.35 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 15.95 ดอลลาร์
นักลงทุนยังคงเข้าซื้อสัญญาทองคำอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มว่าจะถูกกระทบจากวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรป นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังทะยานขึ้นแข็งแกร่งเพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.ที่พุ่งขึ้น 2.9% ทำสถิติเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนีที่ร่วงลงเหนือความคาดหมาย เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดสกุลเงินยูโรร่วงลง และสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของยุโรป
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุด ในโลก เข้าถือครองทองแท่งเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ระดับ 1,267.322 ตัน เพิ่มขึ้น 30.433 ตัน จากวันที่ 24 พ.ค.ที่ระดับ 1,236.889 ตัน
วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
มูดีส์เตือนอันดับเครดิต Aaa ของสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยงหากไม่เร่งลดยอดขาดดุลงบประมาณ
ไม่ขออะไรมาก..ขอเพียงโหวตให้กำลังใจคนทำเว็บ
มูดีส์เตือนอันดับเครดิต Aaa ของสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยงหากไม่เร่งลดยอดขาดดุลงบประมาณ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 พฤษภาคม 2553 11:49:03 น.
มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่า อันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ Aaa อาจตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในอนาคตอันใกล้นี้ นอกเสียจากว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการเพิ่มเติมในการลดยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ในขณะนี้
มูดีส์กล่าวในแถลงการณ์วันนี้ว่า การที่สหรัฐยังคงสามารถรักษาอันดับเครดิต Aaa เอาไว้ได้อยู่ในขณะนี้ ก็เพราะสหรัฐมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยแนวโน้มเครดิตของสหรัฐยังคงมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม มูดีส์เตือนว่าสถานะการคลังของสหรัฐเป็นประเด็นที่น่ากังวล เพราะที่ผ่านมารัฐบาลได้นำงบประมาณจำนวนมากไปใช้ในการยับยั้งเศรษฐกิจสหรัฐให้หลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อตัวเลขจีดีพีของสหรัฐ อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง และมีแนวโน้มว่าจะสูงกว่าประเทศอื่นๆที่อันดับเครดิต Aaa
นอกจากนี้ มูดีส์กล่าวว่า การเมืองที่มีเสถียรภาพ ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เป็นสิ่งทำคัญที่ทำให้แนวโน้มเครดิตของสหรัฐมีเสถียรภาพ แต่สหรัฐยังคงความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการสภาพคล่องและความยืดหยุ่นด้านการเงินของรัฐบาล รวมทั้งการที่สหรัฐต้องแบกรับต้นทุนในโครงการประกันสังคมและค่ารักษาพยาบาล
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา มูดีส์ระบุว่า อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ อยู่ในกลุ่มยืดหยุ่น (Resilient Aaa) ซึ่งนับว่าด้อยกว่าแคนาดา เยอรมนี และฝรั่งเศสที่อยู่ในกลุ่มต้านทาน (Resistant Aaa) เนื่องจากทั้ง 3 ประเทศได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินโลกน้อยกว่าสหรัฐและอังกฤษ
โดยมูดีส์ได้จัดอันดับเครดิต Aaa ไว้ 3 กลุ่ม ซึ่งได้แก่กลุ่มต้านทาน (Resistant) ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ดีทีสุด กลุ่มยืดหยุ่น (Resilient) ซึ่งเป็นกลุ่มรองลงมา และกลุ่มเปราะบาง (Vulnerable) ซึ่งเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุด
อย่างไรก็ตาม มูดีส์กล่าวว่า ยังไม่มีแผนที่จะปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐ และ อังกฤษ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา
สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management สรุปการซื้อขาย 25 พ.ค.53 และแนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ 26 พ.ค.53
สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management สรุปการซื้อขาย 25 พ.ค.53 และแนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ 26 พ.ค.53
ThaiPR.net -- พุธที่ 26 พฤษภาคม 2553 10:21:02 น.ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรร่วง จากความกังวลปัญหาหนี้-มาตรการรัดเข็มขัดในยุโรปภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรร่วง จากความกังวลปัญหาหนี้-มาตรการรัดเข็มขัดในยุโรป
ไม่ขออะไรมาก..ขอเพียงโหวตให้กำลังใจคนทำเว็บ
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรร่วง จากความกังวลปัญหาหนี้-มาตรการรัดเข็มขัดในยุโรปภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรร่วง จากความกังวลปัญหาหนี้-มาตรการรัดเข็มขัดในยุโรป
ค่าเงินยูโรยังคงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 พ.ค.) โดยในระหว่างวัน ยูโรดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี หลังจากมีข่าวว่าธนาคารกลางสเปนเข้าเทคโอเวอร์ธนาคาร Cajasur ซึ่งเป็นธนาคารออมทรัพย์แห่งหนึ่งของสเปน ข่าวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกังวลว่าวิกฤตการเงินยุโรปที่ลุกลามเข้าสู่ระบบการธนาคารแล้วนั้น อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย
ค่าเงินยูโรรูดลง 0.07% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2342 ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2351 ดอลลาร์ และเงินปอนด์ร่วงลง 0.10% แตะที่ 1.4405 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4419 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.06% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 90.180 เยน จากระดับ 90.130 เยน แต่ร่วงลง 0.28% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1561 ฟรังค์ จากระดับ 1.1594 ฟรังค์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.29% แตะที่ 0.8265 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8241 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับลง 0.04% แตะที่ 0.6692 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6695 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนยังคงลดการถือครองสกุลเงินยูโรเนื่องจากขาดความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของเศรษฐกิจยุโรป โดยความกังวลครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อธนาคารกลางสเปนเข้าเทคโอเวอร์ธนาคาร Cajasur ซึ่งเป็นธนาคารออมทรัพย์แห่งหนึ่งของสเปน ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกังวลว่า ปัญหาในระบบการเงินยุโรปกำลังขยายตัวในวงกว้าง แม้รัฐบาลสเปนยืนยันว่า สเปนมีเม็ดเงินอยู่ในระบบมากเพียงพอก็ตาม ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่า ดุลการชำระเงินของธนาคารในสเปนกำลังประสบปัญหา นอกจากนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสเปนยังอยู่ในภาวะถดถอย และอัตราว่างงานที่สูงถึง 20%
นางเอเลนา ซาลกาโด รมว.คลังสเปน เปิดเผยว่า มาตรการรัดเข็มขัดที่มีเป้าหมายจะลดยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาล อาจส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสเปนในปี 2554 โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวเพียง 1.3% ลดลงจากที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 1.8%
ส่วนที่ประเทศอังกฤษนั้น นายจอร์จ ออสบอร์น รมว.คลังอังกฤษ ได้เปิดเผยรายละเอียดของแผนปรับลดงบประมาณรายจ่าย 6.2 พันล้านปอนด์ (8.92 พันล้านดอลลาร์) และกล่าวเตือนว่างบประมาณฉุกเฉินที่จะออกมาในเดือนหน้าอาจถูกปรับลดลงอย่างมาก ขณะที่นายเดวิด ลอส์ รมช.คลังอังกฤษ กล่าวว่าการปรับลดงบประมาณในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความตื่นตัวในหน่วยงานภาครัฐ
นายออสบอร์นกล่าวว่า แม้ตัวเลขหนี้ภาครัฐสำหรับปี 2009/2010 อยู่ในระดับต่ำเกินคาด แต่เขามองว่ารัฐบาลอังกฤษชุดใหม่ที่ประกอบด้วยพรรคอนุรักษ์นิยมและเสรีประชาธิปไตยจะยังคงให้ความสำคัญกับการลดยอดขาดดุลงบประมาณที่มีอยู่สูงเกือบถึง 11 % ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
อย่างไรก็ตาม สหภาพแรงงานอังกฤษระบุว่า แผนปรับลดงบประมาณนี้จะสร้างความเสียหายต่อภาคบริการและเศรษฐกิจอังกฤษ และทำให้ตำแหน่งงานหลายพันตำแหน่งเผชิญกับความเสี่ยง
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนหลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 63.3 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2551 และทำสถิติพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน
วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ
ไม่ขออะไรมาก..ขอเพียงโหวตให้กำลังใจคนทำเว็บ
World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 25 พฤษภาคม 2553 09:17:33 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มการเงิน อันเป็นผลมาจากความวิตกเกี่ยวกับระบบธนาคารของยุโรป หลังจากมีข่าวว่าธนาคารกลางสเปนเข้าเทคโอเวอร์ธนาคาร CajaSur ซึ่งเป็นธนาคารออมทรัพย์ของสเปน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของแผนปฏิรูประบบการเงินของสหรัฐ
สำนักดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 126.82 จุด หรือ 1.24% ปิดที่ 10,066.57 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 14.04 จุด หรือ 1.29% ปิดที่ 1,073.65 จุด และดัชนี Nasdaq รูดลง 15.49 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 2,213.55 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.ดีดขึ้น 17 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 70.21 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 69.57 - 70.96 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 17.90 ดอลลาร์ หรือ1.5% ปิดที่ 1,194 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,176.80 - 1,196.20 ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.54% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2376 ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.2570 ดอลลาร์ และเงินปอนด์ดิ่งลง 0.26% แตะที่ 1.4428 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4466 ดอลลาร์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา
ผู้นำโสมแดงมีคำสั่งพร้อมรบตอบโต้โสมขาว-มะกัน
ไม่ขออะไรมาก..ขอเพียงโหวตให้กำลังใจคนทำเว็บ
ผู้นำโสมแดงมีคำสั่งพร้อมรบตอบโต้โสมขาว-มะกัน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ | 25 พฤษภาคม 2553 12:09 น. |
เอเอฟพี - คิมจองอิล ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือสั่งการให้องค์กรทหาร และพลเรือน เตรียมพร้อมต่อสู้ หลังเกาหลีใต้ออกมากล่าวหาประเทศของเขาว่าเป็นต้นเหตุให้เรือรบโสมขาวล่ม กลุ่มเกาหลีเหนือผู้แปรพักตร์เผย
กลุ่มสามัคคีทางปัญญาเกาหลีเหนือ หรือเอ็นเคไอเอส ที่ตั้งอยู่ในกรุงโซลเผยว่า มีคำสั่งเตรียมพร้อมต่อสู้ออกมาในเย็นวันพฤหัสบดี (20) ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ทีมสอบสวนนานาชาติในเกาหลีใต้ประกาศผลการสอบสวนสาเหตุการจมของเรือโชนันเมื่อวันที่ 26 มีนาคม
ขณะที่หน่วยข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้ระบุว่ากำลังตรวจสอบรายงานของกลุ่มดังกล่าวอยู่
ด้านเปียงยางยังคงปฏิเสธความเกี่ยวข้องใดๆ ในเหตุเรือคอร์เวต "โชนัน" จมทะเล ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 46 ราย พร้อมระบุว่าข้อกล่าวหานี้เป็นเพียงแผนการของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ เพื่อจุดชนวนความขัดแย้ง
นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังขู่จะทำสงครามอย่างเต็มที่ เพื่อตอบโต้ความเคลื่อนไหวใดๆ ก็ตามที่พยายามลงโทษประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้
เอ็นเคไอเอสเสริมว่า โอ กุก รยอล รองรัฐมนตรีกลาโหมแห่งชาติ ประกาศผ่านสถานีวิทยุของรัฐบาลว่า ผู้นำคิมได้สั่งการให้มีการเตรียมพร้อมต่อสู้
"อเมริกา และเกาหลีใต้กำลังบ้าคลั่งเพื่อการแก้แค้นพวกเรา โดยการเชื่อมโยงพวกเรากับเหตุการณ์เรือโชนัน นี่เป็นแผนสมคบคิดกันโดยอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เพื่อโดดเดี่ยวเรา และฆ่าเรา" เอ็นเคไอเอสเผย โดยอ้างคำกล่าวของรัฐมนตรีรายนั้น
แหล่งข่าวในเกาหลีเหนือยังชี้ว่า พรรครัฐบาลของเปียงยางนั้นสั่งให้องค์กรต่างๆ จัดการรวมตัวครั้งใหญ่ภายใต้สโลแกน "แก้แค้นเพื่อแก้แค้น สงครามเพื่อสงคราม" โดยทั้งทหารของกองทัพ และทหารกองหนุนได้รับคำสั่งให้ใส่ชุดฟอร์ม เพื่อกระตุ้นจิตใจด้วย
คิม แด ซุง หัวหน้าเอ็นเคไอเอส กล่าวว่าแหล่งข่าวของพวกเขาได้พูดถึงความรู้สึกไม่ปลอดภัยของประชาชนจากการถ่ายทอดคำสั่งพร้อมต่อสู้ดังกล่าว
ราคาทองคำดีดกลับสวนทางการอ่อนค่าของยูโร
ไม่ขออะไรมาก..ขอเพียงโหวตให้กำลังใจคนทำเว็บ
ราคาทองคำดีดกลับสวนทางการอ่อนค่าของยูโร
Posttoday
บริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัดรายงานการซิ้อขายทองคำวันอังคารที่ 25 พ.ค.2553ทองคำดีดกลับสวนทางการอ่อนค่าของยูโร ขณะที่ SPDR ซื้อเพิ่ม 16 ตัน
ราคาทองคำเปิดตลาดวันอังคารที่ 25 พฤษภาคม ที่ระดับ 1,183 เหรียญ ค่าเงินบาท 32.38 บาท/ดอลลาร์ กับ 32.46 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,100 บาท กับ 18,200 บาท GFM10 เปิดที่ 18,330 บาท และ GFQ10 เปิดที่ 18,400 บาท บาท SPDR ถือครอง 1,236.89 ตัน (เข้าซื้อเพิ่ม 16.74 ตัน) น้ำมันบวก 17 เซนต์ มาปิดที่ระดับ 70.21 เหรียญ/บาร์เรล และดัชนีดาวโจนส์ลดลง 126.82 จุด มาปิดที่ระดับ 10,066.57 จุด
ราคาทองคำค่อยๆปรับตัวสูงขึ้นในช่วงตลาดเอเชียจนทดสอบระดับ 1,190 เหรียญ ก่อนที่จะปิดในช่วง 1,186 เหรียญ ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures คึกคักมากขึ้นอยู่ที่ประมาณ 4,134 คู่สัญญา โดยที่มีปริมาณ Open Interest สูงขึ้นประมาณ 6% ในตลาดลอนดอนและComexเองราคา ค่อนข้างแกว่งตัวในช่วงแคบๆ โดยอยู่ในช่วง 1,184-1,196 เหรียญ และกลับมาปิดตลาดที่ระดับ 1,194เหรียญ โดยที่ตลาดยังให้ความสำคัญกับปัญหาของกรีซซึ่งยังไม่มีความชัดเจน โดยที่เมื่อวานธนาคารกลางของสเปนได้เข้า take over ธนาคารเล็กๆแห่งหนึ่งทำให้ โดยภาพรวมมองว่าเศรษฐกิจยุโรปยังไม่ดีและก็ทำให้ค่าเงินยูโรเองปรับตัวอ่อนค่าลงอีกครั้งหลุดระ ดับ 1.2300 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์
นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการแม่ทองสุก MTS Gold ได้กล่าวว่า ราคาทองคำเริ่มทรงตัวอยู่ได้เหนือระดับ 1,180เหรียญสหรัฐ และเริ่มขึ้นไปทดสอบ แนวต้านด้านบนซึ่งแนวต้าน ถัดไปอยู่ที่ ระดับ 1,200เหรียญสหรัฐ แนวรับ1,180เหรียญสหรัฐOscillator โดยทั่วไปเริ่มเป็นสัญญานการ กลับทิศในระยะสั้นในขณะที่ MACD เริ่มตัดขึ้นถ้าราคายังทรงตัวยืนอยู่เหนือระดับ 1,185เหรียญสหรัฐ ได้คาดว่า MACD จะตัดขึ้นในวันนี้หรือพรุ่งนี้
สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส
ไม่ขออะไรมาก..ขอเพียงโหวตให้กำลังใจคนทำเว็บ
สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส
ThaiPR.net -- อังคารที่ 25 พฤษภาคม 2553 11:35:43 น.
หลังจากที่ราคาทองได้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่บริเวณ $1,249 แล้วเกิดการปรับฐานลงมากว่า $84 สู่ระดับต่ำสุดที่ $1,165 ทำให้มุมมองเชิงบวกต่อตลาดทองคำที่เคยมีก่อนหน้านี้ลดลง สำหรับช่วงนี้ให้มองว่าราคาทองคำอาจมีการดีดตัวทางเทคนิคไปก่อน โดยให้ไปดูความชัดเจนกันอีกครั้งเมื่อราคาทองคำขึ้นไปทดสอบแนวต้านต่างๆที่ให้ไว้ว่าจะสามารถผ่านไปได้หรือไม่โดยเราคาดว่าถ้าหากราคาทองคำสามารถขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ ระดับ $1,213 และสามารถผ่านไปได้อย่างแข็งแกร่งมุมมองเชิงบวกต่อตลาดทองคำก็จะกลับมาอีกครั้งทันที แต่ถ้าไม่สามารถผ่านไปได้หรือขึ้นไปไม่ถึงระดับดังกล่าวเราคาดว่าการปรับตัวขึ้นในรอบนี้เป็นเพียงแค่การดีดตัวขึ้นทางเทคนิคเท่านั้นก่อนที่จะปรับตัวลงต่อไปแต่อย่างไรก็ตามมุมมองต่อการปรับตัวลงของราคาทองคำในระยะสั้นยังมีข้อจำกัดพอสมควรเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานไม่อำนวยโดยเฉพาะปัญหาหนี้สินในกลุ่มยูโรที่เป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาทองคำให้ขึ้นมาก่อนหน้านี้ยังไม่มีความชัดเจน
หากราคาย่อมาแถวๆ $1,166 นักลงทุนสามารถซื้อทองเพื่อลุ้นทำกำไร โดยให้หาจังหวะทำกำไรเมื่อราคาดีดตัว แต่หากราคาทอง หลุด $1,166 ให้รอซื้อที่แนวรับต่อไปที่ $1,147 หากราคาหลุด$1,147 ควร stop loss ทันที
หากราคาย่อมาแถวๆ $1,147 นักลงทุนสามารถซื้อทองเพื่อลุ้นทำกำไร โดยให้หาจังหวะทำกำไรเมื่อราคาดีดตัว แต่ หากราคาทองหลุด$1,142 ควร stop loss ทันที
หากราคาทองคำไม่หลุดแนวรับ$ 1,147 ให้นักลงทุนที่เข้าเล่นระยะกลางและระยะยาวเข้าซื้อทองคำได้แต่หากราคาทองคำหลุดแนวดังกล่าวให้รอซื้อต่อไป
ถือ Long position แนะนำทยอยปิดสถานะหากราคาทองคำตลาดโลกดีดตัวไม่ผ่านแนวต้าข้างต้น
ยังไม่มี position ให้หาจังหวะซื้อถ้าราคาสามารถยืนเหนือ $1,166 หรือ $1,147 ได้อย่างแข็งแกร่งหรือเปิดสถานะขายบริเวณ $1,198 หรือ $1,213หากราคาทองคำตลาดโลกไม่สามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้
ถือ Short Position ให้ทยอยปิดสถานะถ้าราคาทองคำตลาดโลกสามารถยืนเหนือ $1,166ได้ แต่ถ้าไม่สามารถยืนได้ให้รอปิดที่แนวรับต่อไป
วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
“โป๊ป-ปธ.อีซีบี” อัดรัฐบาลในยูโรโซน
ไม่ขออะไรมาก..ขอเพียงโหวตให้กำลังใจคนทำเว็บ
“โป๊ป-ปธ.อีซีบี” อัดรัฐบาลในยูโรโซนโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
23 พฤษภาคม 2553 20:27 น
เอเอฟพี – สมเด็จพระสันตะปาปาแห่งศาสนจักรคาทอลิก และประธานธนาคารกลางแห่งยุโรป (อีซีบี) กล่าวติเตียนเหล่ารัฐบาลยุโรปที่เดินนโยบายมือเติบ ตลอดจนประณามนักเก็งกำไร “ที่ไร้ความรับผิดชอบ” ขณะที่นักลงทุนโจมตีเงินยูโร เพราะยังหวั่นเกรงผลจากปัญหาหนี้ล้นพ้นตัวของบรรดาสมาชิกกลุ่มยูโรโซน ฌอง-คล็อด ตริเชต์ ประธานอีซีบี ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ตัวสกุลเงินยูโรมิได้มีปัญหาด้านความน่าเชื่อถือ หากเป็นการบริหารจัดการด้านการเงินของประเทศสมาชิกยูโรโซนไม่กี่ประเทศที่มีปัญหา ข้อความดังกล่าวปรากฏในบทสัมภาษณ์ที่ตีพิมพ์อยู่ในหนังสือพิมพ์แฟรงก์เฟิร์ตเตอร์ อัลเกไมเน ไซตุง ฉบับวันเสาร์ (22)
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินยูโรดิ่งแตะระดับต่ำสุดในรอบสี่ปี เพราะนักลงทุนกลัวว่า สมาชิกยูโรโซนหลายรายจะตกเป็นรัฐล้มละลาย ซึ่งอาจส่งผลไปถึงขั้นที่ว่าจะเกิดการแตกแยกในกลุ่มยูโรโซน
ทั้งนี้ แม้ทางการยูโรโซนจะสร้างแพกเกจความช่วยเหลือมูลค่ามหาศาลถึง 750,000 ล้านยูโร นักลงทุนเอาแต่ผละหนีตีจากเงินยูโร จนกระทั่งค่าเงินยูโรดิ่งแตะระดับ 1.2144 ดอลลาร์ต่อยูโรในวันพุธ (19) ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำที่สุดนับจากเมื่อกลางเดือนเมษายน 2006 ซึ่งเท่ากับการถดถอย 16% จากที่เคยเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1.4386 เมื่อช่วงต้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม เงินยูโรสามารถกระเตื้องขึ้นมาได้บ้าง และปิดสัปดาห์ที่ระดับ 1.2563
ตริเชต์พูดไว้ในตอนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ ว่า เราต้องการความเปลี่ยนแปลงในค่านิยมของภาคการเงิน และบอกด้วยว่า ความเคลื่อนไหวในตลาดมักเป็นการผลจากการผสมผสานของอารมณ์ของนักลงทุนกับอิทธิพลของพวกเก็งกำไร อย่างเช่น พวกเฮดจ์ฟันด์
สิ่งที่ ตริเชต์ กล่าวเป็นเสมือนการตอกย้ำเสียงเรียกร้องให้เพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลภาคการเงิน
ด้าน สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ก็ออกโรงวิจารณ์เหล่ารัฐบาลที่ไม่สามารถดำเนินการอย่างจริงจัง ในอันที่จะกำกับดูแลธนาคารและตลาดเพื่อรับมือกับวิกฤตการเงิน
“ผู้นำบางรัฐไม่ดำเนินการโต้ตอบด้วยการตัดสินใจที่เหมาะสมในอันที่จะบริหารภาคการเงิน ในยามที่เผชิญกับการเก็งกำไรอย่างไร้ความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งในบรรดาประเทศที่อ่อนแอ” พระสันตะปาปาทรงกล่าว พร้อมกับตักเตือนว่า การเมืองจะต้องนำการเงิน และศีลธรรมจะต้องนำทางให้แก่ทุกกิจกรรม
สหรัฐเผยกลุ่มเฮดจ์ฟันด์เทขายสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX หนักสุดในรอบเกือบ 8 เดือน
ไม่ขออะไรมาก..ขอเพียงโหวตให้กำลังใจคนทำเว็บ
สหรัฐเผยกลุ่มเฮดจ์ฟันด์เทขายสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX หนักสุดในรอบเกือบ 8 เดือนสำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2553 12:39:08 น.
คณะกรรมการกำกับดูแลการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดล่วงหน้าของสหรัฐ (CFTC) เปิดเผยว่าในรายงานว่า กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ได้เข้ามาเทขายสัญญาน้ำมันดิบมากที่สุดในรอบเกือบ 8 เดือน โดยได้เทขายสัญญาน้ำมันดิบไปแล้วราว 32% หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงเนื่องจากความกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปจะส่งผลกระทบต่อความต้องการพลังงาน
CFTC รายงานว่า ยอดซื้อสุทธิสัญญาและอ็อปชั่นน้ำมันดิบของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ในตลาด NYMEX ลดลงสู่ระดับ 89,335 สัญญาในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 18 พ.ค. ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.ปีที่แล้ว หลังจากสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลง 20% จากระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือนที่ 87.15 ดอลลาร์/บาร์เรลที่ทำไว้เมื่อวันที่ 3 พ.ค. เนื่องจากความกังวลที่ว่าวิกฤตการณ์การเงินใยโปจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและจะฉุดดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย
ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานสหรัฐระบุว่า ซัพพลายน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 14 พ.ค. พุ่งขึ้นแตะ 1.81 พันล้านบาร์เรล